วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กินอะไรให้ใบหน้าชุ่มชื่น






ใบหน้าจะชุ่มชื่นได้ต้องอาศัยวไวตามิน เอในจำนวนที่มากกว่าได้รับปริมาณปกติและควรปฏิบัติดังนี้
1. งดการใช้ครีมล้างหน้า เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อนถ้าใช้ครีมล้างหน้าแล้วจำเป็นต้องใช้กระดาษเช็ดออกความจริงแล้วใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อไคลและฝุ่นละอองควรจะต้องใช้สบู่และใช้น้ำล้างจะทำให้สะอาดมากกว่า
2. การใช้ครีมรองพื้น อยู่ตลอดเวลาก็จะทำให้อุดรูขุมขนและเหงื่อทำให้เกิดการอุดตันของของเสียได้
3. ควรบำรุงด้วยโภชนาการ ผักที่มีไวตามินเอสูง ในปริมาณ 100 กรัมจะมีไวตามิน เอ ดังนี้
++ ใบยอ มีไวตามิน เอ 43,333 หน่วย
++ ใบแมงลัก มีไวตามิน เอ 26,000 หน่วย
++ ผักตำลึง มีไวตามิน เอ 18,608 หน่วย
++ ยอดแค มีไวตามิน เอ 12,466 หน่วย
++ ใบขี้เหล็ก มีไวตามิน เอ 7,625 หน่วย
++ ผักบุ้งจีน มี ไวตามิน เอ 6,300 หน่วย
++ ใบโหระพา มีไวตามิน เอ 20,712 หน่วย
++ ผักขมหนาม มีไวตามิน เอ 11,090 หน่วย
++ ยอดมะละกอ มีไวตามิน เอ 18,250 หน่วย
++ ชะอมมีไวตามิน เอ 10,066 หน่วย
++ กระถิน มีไวตามิน เอ 7,883 หน่วย
ไวตามินเอจะช่วยสิ่งที่เป็นพื้นผิวของร่างกายทั้งภายนอกและภายใน ทางภายนอกก็คือ ผม เล็บ นัยน์ตา ทางภายในก็คือ เยื่อบุพื้นผิวภายในทั้งหลาย เยื่อบุผิวในปาก ในลำไส้ หรือที่เรียกว่าทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ และเยื่อบุพื้นผิวที่ไหน ๆ ก็ต้องอาศัยไวตามิน เอทั้งสิ้น
นอกจากจะได้รับไวตามิน เอ จากธรรมชาติแล้ว ยังสามารถได้รับ ไวตามิน เอที่สกัดเรียบร้อยแล้ว เช่น รัปประทานวันละ 1 แคปซูล (ขนาด 25,000 ยูนิต) สองสัปดาห์หลังจากนั้นรับประทานวันเว้นวัน จะทำให้ผิวหนังสวยอ่อนนุ่มกว่าเดิม เส้นผมเป็นเงา

น้ำผึ้ง อมฤตแห่งน้ำทิพย์



น้ำผึ้งจัดเป็นอาหารที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีสรรพคุณทางยาและคุณค่ามาก แม้แต่ในสมัยพุทธกาลมีการถวายข้าวมธุปายาส ซึ่งมีการผสมด้วยน้ำผึ้ง ทำให้พระวรกายของพระพุทธเจ้ากลับมาสมบูรณ์แข็งแรง นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว น้ำผึ้งยังมีประโยชน์กับความสวยความงามด้วยค่ะ
ก่อนที่เราจะมาติดตามนานาประโยชน์ของน้ำผึ้งเราควรจะมาทำความรู้จักกับน้ำผึ้งก่อนค่ะน้ำผึ้งเกิดจากการที่ผึ้งนำน้ำจากเกสรดอกไม้ที่เป็นน้ำหวานจากธรรมชาติมาแล้วใช้กรด Enzyme นห้องผึ้งเปลี่ยนแปลงมาเป็นน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งที่ได้มานั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งได้ไป รวมถึงแหล่งของพืชและพื้นดินนั้น ๆ ที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่ เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งในป่าใหญ่ จึงมีความสมบูรณ์และมีแร่ธาตุอาหารที่แตกต่างจากน้ำผึ้งเลี้ยง ส่วนน้ำผึ้งเลี้ยงจะมีการเติมน้ำหวานจากน้ำตาลและเกสรเทียมซึ่งทำให้คุณค่าลดน้อยลงไป
วิธีสังเกต   ว่าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติทำได้โดยการนำน้ำผึ้งใส่ไว้ในขวด ตั้งทิ้งไว้สักพัก จะพบว่ามีเกสรดอกไม้ลอยอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติของน้ำผึ้งป่านั่นเอง
มาดูถึงคุณ

ประโยชน์   ของน้ำผึ้งกันบ้าง จะพบว่าในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์ เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต บอกเป็นภาษาโภชนาการมาพอสมควร ลองยกตัวอย่างที่เห็นง่าย ๆ ดีกว่า
ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
อาหารเช้าสำหรับสาวทำงานและผู้รักสุขภาพ เพียงนำผลไม้ต่าง ๆ มาหั่น เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม ตามชอบ ราดด้วยโยเกิร์ต ลูกเกด และน้ำผึ้ง ไปผ่านความร้อน คุณก็จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์ อร่อย อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุอาหาร เอนไซน์ และโปรตีนที่ย่อยง่าย
ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำผุ่นหรือนมร้อนจะช่วยให้คุณหลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ท่านได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางลงบ้าง จะยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่คุณได้พักผ่อนเต็มที่

สำหรับผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผานความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ
จะเห็นได้ว่า "น้ำผึ้ง" มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายอย่างมาก ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณหมอชาวบ้านหรือแพทย์แผนโบราณจะนำน้ำผึ้งเดือน 5 หรือน้ำผึ้งแท้มาเป็นส่วนผสมในการปรุงยา หรือเป็นตัวประสานในยา เช่น นำมาปั่นเป็นลูกกลอน เป็นน้ำกระสายละลายผงยา และน้ำผึ้งจัดเป็นตัวยาสมุนไพรสำคัญอย่างหนึ่งทีเดียวในการเอามาทำยาอายุวัฒนะในทุก ๆ ครั้ง นั่นก็เป็นเพราะคุณค่าอันมีประโยชน์อย่างมากมายที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอายุยืนยาวมากกว่าปกติ
รู้คุณค่าอย่างนี้แล้ว เราน่าจะหาน้ำผึ้งป่าแท้ ๆ ไว้รับประทานเป็นประจำที่บ้านสักขวด เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของตัวเราเองและคนใกล้ชิด 

 

กินอะไรให้นัยน์ตาสวย





สาเหตุ  หนึ่งที่ร่างกายมีปัญหาที่ตาก็คือ ร่างกายได้รับไวตามินเอไม่เพียงพอ แต่ถ้าขาดมาก ๆ จะมีอาการดังนี้
กลัวแสง
เวลาไปอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างจ้าหรือกลางแดด จะตาหยีและแสบตามาก ปรับสายตาให้ชินกับความมืดได้ช้าต่างกับคนอื่นที่สามารถปรับสายตาได้เร็วกว่า
ถ้าขาดรุนแรง
ตาขาวจะมีลักษณะที่ชาวบ้านเรียกว่า เกล็ดกะดี่ (bitot spot) และต่อมาตาจะบอด นอกจากจะแสบตาเก่งแล้ว ยังสู้สายตาคนไม่ค่อยได้ ดูโทรทัศน์ไม่นานก็เมื่อยตา ขับรถในเวลากลางคืนก็มองไม่ถนัด สุขภาพตาที่ไม่ดีนั้น จะทำให้ตาไม่แข็งแรง ติดเชื้อได้ง่ายอักเสบง่าย คนธรรมดานั้นตื่นเช้าไม่มีขี้ตา แต่บางคนตื่นเช้าก็มีขี้ตาเล็ก ๆ น้อย ทุกวัน โดยไม่มีอาการตาเจ็บหรืออักเสบใด ๆ แสดงถึงสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ของนัยน์ตา
นัยน์ตาสวย ทำได้ดังนี้
รับประทานไวตามิน เอ วันละ 1 แคปซูล (ขนาด 25,000 ยูนิต) สองสัปดาห์ แล้วกินวันเว้นวัน
รับประทานไวตามิน อี 100 ยูนิต วันละ 2 ครั้ง
รับประทานไวตามินบี 2 วันละ 200มิลลิกรัม
ประมาณ 3 - 4 เดือน
ข้อสำคัญ
ควรกินไวตามินพร้อมอาหารเพื่อให้สิ่งที่อยู่ในอาหารช่วยในการดูดซึมของไวตามิน
 


เกร็ดความรู้เรื่องอาหาร


1.ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวขัดสี ควรรับประทานเป็นประจำ หรือผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ก็ได้
2.การได้รับประทานสาหร่ายทะเลทั้งสดและแห้ง  พร้อมทั้งใช้เกลือทะเลมาปรุงลงในอาหาร ทั้ง 2 อย่างนี้มีไอโอดีน ซึ่งสามารถป้องกันโรคคอพอกได้เป็นอย่างดี
3.งาขาวและงาดำ ในอาหารและขนมคนกินเจควรใช้งาปรุงผสมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงาขาวหรืองาดำ เพราะในเมล็ดงามีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งจำเป็นต่าร่างกายมาก แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้สำหรับผู้ทำอาหารเจรับประทานเอง ให้นำงาขาวมาล้างเอาผงฝุ่นออกจนสะอาดดี ตักใส่ตะแกรงทิ้งไว้ให้หมาดแล้วใช้ไฟอ่อนๆ คั่วในกระทะจนสุกเหลือง พอเย็นจึงนำมาโขลกหรือปั่นให้แตกด้วยเครื่อง จะทำให้ได้ประโยชน์จากน้ำมันที่อยู่ในเมล็ดดียิ่งขึ้น งาที่บดแล้วจะมีกลิ่นหอมสามารถนำใช้ปรุงอาหาร และขนมได้ทุกประเภท ทำให้มีรสดี หอมน่ารับประทานโดยปกติผู้ที่กินเจควรรับประทานงาในประมาณวันละ 2 ช้อนโต๊ะก็นับว่าเพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย

4.อาหารเจไม่ควรปรุงรสจัดเกินไป เช่น เผ็ดจัด เค็มจัด ขมจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด รสชาติที่จัดมากๆ จะส่งผลไม่ดีต่ออวัยวะหลักภายในร่างกาย
5.หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหมักดอง เช่น ผักดองผลไม้ดอง เครื่องกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป ควรหันมารับประทานอาหารสดที่ปรุงใหม่ๆ จะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
6.เครื่องดื่ม คนกินเจควรดื่มน้ำผลไม้สดๆ ตามธรรมชาติ เช่น น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ น้ำสับปะรด น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก น้ำมะตูม ฯลฯ
น้ำผลไม้ดังกล่าวจะทำให้ร่างกายและผิวพรรณสดชื่นเปล่งปลั่ง เราควรงดน้ำหวานที่ปรุงแต่งรสและเจือสีสังเคราะห์เพื่อหลีกเลี่ยงพิษภัยจากสิ่งปนปลอม
นอกจากการดื่มน้ำผลไม้สดๆแล้ว ทุกคนต้องดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 แก้ว เป็นประจำ